สถานที่ท่องเที่ยว

อำเภอพิบูลย์รักษ์ | เชิงวัฒนธรรม

วัดพระแท่นบ้านแดง (วัดหลวงปู่พิบูลย์) เป็นวัดที่มีชื่อเสียง สวยงาม และกว้างขวางที่สุดในตำบลบ้านแดง มีอายุกว่า ๒๐๐ ปี

ลักษณะเด่น รูปปั้นหลวงปู่พิบูลย์ ที่สร้างมายิ่งใหญ่อลังการ มีความวิจิตรการตามาก

ประวัติ 
วัดพระแท่นบ้านแดง ที่ได้ชื่อวัด “พระแท่น" ก็เพราะอาศัยแท่นพระเก่า แต่ไม่มีพระพุทธรูปอยู่หลวงปู่จึงตั้งชื่อว่าวัดพระแท่น"วัดพระแท่น" ให้สมกับนามเดิมของแท่นพระเก่า พอหลวงปู่มาสร้างวัดแล้ว ชาวบ้านไทก็ได้อพยพย้ายบ้านเรือนทั้ง ๓๐ หลังคาเรือนมาอยู่ บริเวณรอบๆวัดและตั้งชื่อว่า “คุ้มใต้วัด" และ “คุ้มหัววัด”ชาวบ้านที่อยู่ต่างจังหวัดได้ยินชื่อของหลวงปู่จึงพากันอพยพมาอยู่มากยิ่งขึ้น ทางทิศเหนือของวัดติดกับบ้านไทเดิมมีหนองน้ำแห่งหนึ่ง เรียกว่า “กุดบ้าน” แต่ก่อนหนองน้ำแห่งนี้เคยมีข้าศึก และ คู่อริกันได้มาต่อสู้กันด้วยหอกดาบ พอเลิกต่อสู้กันแล้วต่างคนต่างลงอาบน้ำล้างเลือดทำให้หนองน้ำนี้เป็นสีแดงเต็มไปด้วยเลือดหลวงปู่ จึงได้ตั้งชื่อหมู่บ้านว่า..บ้านแดง" และที่มาของชื่อหมูบ้านอีกอย่างหนึ่งคือตอนที่หลวงปู่มาตั้งวัดครั้งแรกที่บริเวณแห่งนี้เต็มไปด้วยดอกไม้สีแดงและต้นไม้แดงขนาดใหญ่อยู่ในวัด จึงได้อาศัยตำนานหนองน้ำแดง ดอกไม้แดงและป่าไม้แดง เป็นที่มาที่หลวงปู่ตั้งชื่อบ้านแห่งนี้ว่า “บ้านแดงใหญ่” ความเป็นอยู่ของชาวบ้านแดงในสมัยนั้นอยู่กันอย่างมีความสุข และก็อุดมสมบูรณ์ไปด้วย ปู ปลา ไม่อดอยาก ไร่นาจับจองเอาที่ไหนก็ได้ ต่อมาคนต่างหมู่บ้านและต่างจังหวัดก็หลั่งไหลกันเข้ามาอาศัยบารมีของหลวงปู่มากันทุกวัน หลวงปู่จึงมีนโยบายแนวทางพัฒนาแผนใหม่ จึงได้วางผังหมู่บ้านและสถานที่ที่จะตั้งเมืองในอนาคตข้างหน้า จึงเริ่มตัดถนนหนทาง ถนนสายใหญ่ๆ ทั้งหมดก็มี ๘ สาย นอกจากนี้ได้ตัดถนนตรอกซอยจำนวนมาก เมื่อคนเข้าไปอยู่เต็มในแต่ละแปลงก็ตั้งคุ้มๆ หลวงปู่บอกว่าไม่ให้มีการซื้อขายที่ดินให้แบ่งปันกันอยู่ ในแต่ละคุ้มจะมีศาลาหนึ่งหลัง และมีหัวหน้าประจำคุมนั้น ๆ ที่ตรงไหนเป็นทุ่งไร่ทุ่งนาอยู่แล้ว หลวงปู่ก็จะซื้อเอาไว้ แต่ราคาต้องไม่เกิน ๖๐ บาท และหลวงปู่ได้หมายขอบเขตของหมู่บ้านเอาไว้ โดยใช้ไม้แดงขนาดใหญ่ฝังไว้เป็นจุด ๆ โดยรอบอาณาเขตที่บอกว่าจะเป็นเมือง หลวงปู่ปักหลักไว้ว่าตรงไหนจะเป็นของ หน่วยงานใด เช่น ตรงนี้เป็นของโรงเรียนประถม โรงเรียนมัธยม ที่ว่าการอำเภอ ไฟฟ้า อนามัย โรง พยาบาล เป็นตน เพื่อป้องกันไม่ให้มีปัญหาในภายหลัง ข้อนี้บอกได้เลยว่าหลวงปู่มองการณ์ไกล อย่างแน่นอน เมื่อผู้คนอพยพเข้ามาอยู่มากขึ้นหลวงปู่จึงนำชาวบ้านสร้างศาลา และกุฏิทางด้านทิศ ตะวันออกของวัด ในการสร้างนั้นตอนกลางคืนก็ให้พวกหนุ่มๆสาวๆที่มีกำลังแข็งแรงดีไปช่วยกัน ลากไม้โดยใช้รถขิ่งล้อ(รถที่มีล้อสำหรับลากไม้ ทำขึ้นมาจากไม้)พอไปตัดไม้ได้ก็เอาขึ้นรถเที่ยวละ ๓-๔ ท่อน ขนาดของไม้แต่ละท่อนยาวประมาณ ๘-๑๐ เมตร ในการลากก็เอาริ้วหนังผูกกับรถ แล้วช่วยกันลาก เสียงของรถไม้เสียดสีกันในตอนลากนั้นดังสนันหวั่นไหวไปทั้งป่าแถบนั้น และตอนที่ริ้วหนังที่ใช้ลากขาด หนุ่มสาวที่ช่วยกันลากไม้ล้มทับกันระเนระนาด ทำให้หนุ่มสาวได้รับความสนุกสนาน ผ่อนคลายความเหน็ดเหนื่อยได้ไม่น้อยทีเดียว ทำอย่างนั้นเรื่อยมาทุกวันทุกคืน หากคืนไหนไม่ได้ไปลากไม้ชาวบ้านก็พากันออกไปตัดถนนตามถนนสายต่าง ๆ และบางพวกก็ช่วยกันเลื่อยไม้ที่ขนมาแล้ว จากการที่ชาวบ้านจากที่ อื่น ๆ ย้ายมาอยู่กันมากขึ้น หลวงปู่จึงตั้งธนาคาร ข้าวเปลือก และธนาคารโคกระมือเพื่อเจกจ่ายให้กับคนยากคนจน และมีผู้หญิงบางกลุ่มมาขอบวชชี (นุงขาวห่มขาว) รับอาสาทำอาหารเลี้ยงคนงาน ผู้ที่มาบวชชีจึงมีเป็นรายๆ
 



อำเภอพิบูลย์รักษ์ | เชิงวัฒนธรรม

วัดป่าสว่างธรรม เป็นวัดสร้างขึ้นใหม่ บริเวณภายในวัดมีความสวยงาม ชาวบ้านแห่แหนกัยเข้ามาชม เข้ามากราบสักการะ ขอพรปู่ศรีสุทโธ
 

ลักษณะเด่น วัดวัดกลางน้ำ พร้อมรูปปั้นของหลวงปู่ศรีสุทโธ พระพุทธรูปนาคปรค


วัดป่าสว่างธรรม ตั้งอยู่ บ้านดอนกลอย อำเภอพิบูลย์รักษ์ จังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นวัดที่ศิริพรได้สร้างพระประธาน และรูปปั้นพญานาคราช โดยพระประธานตั้งอยู่กลางน้ำลายล้อมด้วยพญานาคราชที่เกี้ยวพันไปจนถึงท่าน้ำ เรียกกกันว่า เป็นทางลงวังบาดาล ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า ศิริพรมีความเชื่อเรื่องพญานาคเป็นอย่างมาก ทั้งยังสัมผัสได้ถึงความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นระหว่างศิริพรกับ “ปู่ศรีสุทโธ” แห่งคำชะโนด มีหลายเหตุการณ์ในชีวิตที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องเงิน โดยเฉพาะเรื่องโชคลาภที่เป็นที่ฮือฮามากเพราะศิริพรถูกหวยติดต่อกันมากกว่า 200 งวดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แม้แต่บ้านของศิริพรที่ตั้งอยู่ใกล้กับวัดสว่างธรรมก็มักจะมีลอยเลื้อยขนาดใหญ่ปรากฏให้เห็นอยู่บ่อยๆ ล่าสุดศิริพรได้เดินทางไปบวชชีที่วัดป่าสว่างธรรมเพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนจะจัดงานบวชพระ 100 รูปถวายเป็นพระราชกุศลในหลวงรัชกาลที่ ๙ และพญานาคราช ภายในงานได้มีการเลี้ยงพระและรำถวายรอบพระประธานมีชาวบ้านมาร่วมงานเกือบ 500 คน แล้วจู่ๆ ก็เกิดเหตุการณ์ฝนตกหนัก และปรากฏร่างลักษณะคล้ายงูขนาดใหญ่เคลื่อนไหวในแม่น้ำ เลื้อยผ่านสายน้ำเป็นทางยาว ซึ่งทุกคนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “พญานาคราช” และก็ยกมือท่วมหัวเสียงสาธุดังสนั่นวัด เรื่องนี้เป็นที่ฮือฮาไปทั่วหมู่บ้าน เชื่อว่าการปรากฏของพญานาคราชน่าจะมาอนุโมทนาบุญในการบวชของศิริพรในครั้งนี้ รวมถึงรับรู้ถึงการที่ศิริพรทำนุบำรุงศาสนาในการสร้างพระและเตรียมจะบวชพระในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งศิริพรก็ได้เปิดเผยถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ยอมรับเต็มปากอย่างมั่นใจว่าสิ่งที่ทุกคนเห็นนั่นคือ องค์พญานาคราช “วัดป่าสว่างธรรมเป็นวัดบ้านเกิด วัดนี้เราและพระอาจารย์นำชัย วัดแม่ย่าซอม จังหวัดสระแก้ว ท่านเมตตาร่วมกันสร้างพระและบรูณะ ถ้าว่างจากงานคอนเสิร์ตก็จะมากลับมาที่วัดเพื่อมาดูว่าช่างทำถึงไหนแล้ว ก็ได้แฟนคลับและผู้ที่มีศรัทธาในพุทธศาสนาและปู่ศรีสุทโธร่วมปัจจัยกันสร้าง วันนั้นที่มาบวชเราก็นั่งอยู่ในศาลาและอยู่ดีๆ ฝนก็ตกหนัก มองไปที่น้ำเห็นอะไรแปลกประหลาดเป็นสีเขียวๆ ดำๆ เหลืองๆ ขนาดเท่ากับองค์ปู่ที่สร้างเลย” “ก็เลยตะโกนบอกหลวงพ่อ ตะโกนบอกพี่น้อง พี่สาวว่านี่อะไร(ยกมือสาธุ) ทุกคนก็มาดู และไม่น่าเชื่อมันมหัศจรรย์มากท่านสามารถแยกสายฝนออกจากร่างท่านได้ทำให้เราเห็นร่างชัดมาก ท่านเลื้อยไปจะเป็นเกล็ดแบบทั้งเขียวทั้งเหลืองทั้งดำท่านขึ้นมาเป็นร่างเลยและก็เป็นเศียรปู่เลื้อยไปตามน้ำ คิดว่าท่านน่าจะอนุโมทนาบุญ หลวงปู่แถวเจ้าอาวาสวัดก็เห็น เป็นบุญตามากๆ” “เมื่อก่อนก็ไม่ได้เชื่อสนิทใจ แต่มันต้องเจอกับตัวเองถึงจะเชื่อ เมื่อก่อนเราไม่มีเสียงที่จะไปร้องเพลง อัดเสียงไม่ได้ จนทำมาหากินไม่ได้ ก็ไปขอท่านทำให้มีเสียง และจากนั้นก็มีอีกหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เรามีความเชื่อความศรัทธา ที่พูดนี่ไม่ได้พูดให้เชื่อนะ ใครไม่เชื่อไม่เป็นไร แต่เราเจอกับตัวเองเห็นแล้วเห็นจริงๆ และไม่ได้เห็นแค่คนเดียว” สำหรับวัดป่าสว่างธรรม นั้นตั้งอยู่ บ้านดอนกลอย อำเภอพิบูลย์รักษ์ จังหวัดอุดรธานี ห่างจากคำชะโนด 50 กิโลเมตร ขณะนี้มีผู้คนเดินทางมาร่วมสักการะบูชาเป็นจำนวนมากขึ้นทุกๆ วัน หลังจากที่มีข่าวว่าศิริพรได้มาบรูณะวัดสร้างพระประธานและองค์พญานาคราช เพราะมีความโชคดีในเรื่องการงาน การเงิน รวมไปถึงโชคลาภที่ถูกหวยอย่างต่อเนื่องมากกว่า 200 ครั้ง และคาดว่าในวันที่ 17-19 พฤศจิกายน 2560 ที่จะมีการจัดงานบวชพระ 100 รูปนั้นจะมีประชาชนเดินทางมาร่วมงานนับหมื่นคนเลยทีเดียว